06/06/2024

ไขคำตอบจอภาพ LED All-In-One คืออะไร? มีจุดเด่นอะไรบ้าง?

what-is-led-all-in-one

เคยสงสัยไหมว่าจอแสดงผล LED แบบ All-in-One คืออะไร? ตอบง่ายๆ มันคือจอแสดงผลขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครันอยู่ภายในเครื่องเดียว เดิมทีการติดตั้งและใช้งานวิดีโอวอลล์ (Video Wall - จอภาพขนาดใหญ่ที่ประกอบจากหลายจอ) ค่อนข้างยุ่งยากสำหรับมืออาชีพ แต่จอ LED แบบ All-in-One เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ ด้วยการรวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน ทำให้ติดตั้ง ใช้งาน และภาพคมชัด เหมาะกับการใช้งานทุกพื้นที่

จอแสดงผล LED แบบ All-in-One เพิ่งมีมาราวๆ สองปีที่ผ่านมา ดังนั้น บทความนี้จะช่วยปูพื้นฐานก่อนลงรายละเอียดทางเทคนิค ซึ่งเดิมที จอแสดงผลขนาดใหญ่ มักจะติดปัญหาเรื่องความยุ่งยากในการใช้งาน ตั้งค่า ดูแลรักษา และจัดการ แม้จะมีผู้ผลิตหลายเจ้าพยายามแก้ไขปัญหานี้ แต่ก็ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จ

จนกระทั่งจอ LED แบบ All-in-One ถือกำเนิดขึ้นและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะรวมทุกอย่างของวิดีโอวอลล์ไว้ในเครื่องเดียว ช่วยแก้ปัญหาการใช้งานที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือบุคคลทั่วไป ตอนนี้เราเข้าใจที่มาที่ไปของจอประเภทนี้แล้ว มาเจาะลึกไปที่รายละเอียดทางเทคนิคกันดีกว่า ว่ามันมีประโยชน์อย่างไรกับผู้ใช้งานทั่วไป

จอแสดงผลแบบ All-in-One LED Display คืออะไร?

คำว่า "All-in-One" หมายถึงระบบที่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน ช่วยให้การใช้งานและดูแลรักษาในชีวิตประจำวันง่ายขึ้น จัดการปัญหาหลักที่ผู้ใช้ Video Wall มักเจอได้ ซึ่งจอแสดงผลแบบ All-in-One นี้ ต่างจากจอแสดงผลแบบอื่นตรงที่รวมเอาอุปกรณ์สำคัญ 4 อย่างที่จำเป็นสำหรับการใช้งานจอขนาดใหญ่ไว้ในตัวเครื่องเดียว ได้แก่

  • แผ่นแสดงผล LED (LED Display)
  • ระบบประมวลผลภาพ (Image Stitching) เพื่อให้ภาพทั้งหมดบนจอแสดงผลต่อกันได้อย่าง seamless
  • ระบบไฟเลี้ยง (Power Supply)
  • ระบบควบคุม (Control System)

1.ระบบแสดงผล (Display System)

หัวใจสำคัญของจอ LED แบบ all-in-one ก็คือระบบแสดงผลหรือหน้าจอนั่นเอง จอแสดงผลเหล่านี้ยกระดับประสบการณ์การรับชมไปอีกขั้น ด้วยภาพที่สวยงามคมชัดเหนือกว่าจอขนาดใหญ่รุ่นก่อน

ความล้ำหน้ามาจากความละเอียดระดับ 4K และรองรับเทคโนโลยี HDR/HLG (สำหรับรุ่นท็อป) ทำให้ได้ภาพเหมือนดูหนังในโรงภาพยนตร์ นอกจากนี้ ขนาดหน้าจอยังใหญ่ถึง 216 นิ้ว (หรือใหญ่กว่านั้นได้ถ้าเอามาต่อกันสองจอ) กลายเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลในพื้นที่สาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกทั้งยังบางเฉียบกว่าวิดีโอวอลล์แบบ LCD รุ่นเก่า รุ่นที่บางที่สุดมีความหนาเพียง 25 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ติดตั้งได้ง่ายและกลมกลืนกับทุกสภาพแวดล้อม เคล็ดลับความบางนี้มาจากการใช้หลอด LED นับล้านดวงเป็นพิกเซลแทนที่จะใช้เทคโนโลยี LCD แบบเดิมที่ต้องอาศัยระบบไฟแบ็คไลท์

การใช้ LED แทน LCD ทำให้โครงสร้างแตกต่างจากวิดีโอวอลล์ทั่วไป จอภาพประกอบด้วยโมดูลบางๆ หลายชิ้นติดตั้งหลอด LED ไว้ด้านบน จากนั้นจึงเชื่อมต่อกับตัวเครื่อง แต่ละโมดูลทำงานแยกอิสระ ทำให้สามารถซ่อมบำรุงด้านหน้าและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียได้ง่าย ต่างจากจอ LCD แบบเดิมที่พิกเซลเดียวเสีย ต้องทิ้งทั้งจอ

นอกจากนี้ เทคโนโลยี LED ยังแสดงสีสันได้กว้างกว่าจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบอื่นๆ อีกทั้งสีที่แสดงผลยังสดใสและสมจริงกว่า ด้วยระยะห่างระหว่างพิกเซลที่ละเอียดและความสว่างของ LED ทำให้มองเห็นได้จากมุมกว้างขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย

2.ระบบการเชื่อมต่อภาพ (Image Stitching System)

หน้าจอ LED แบบ All-in-one ประกอบด้วยหลายๆ แผ่นเหมือนกับ Video wall ทั่วไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบเชื่อมต่อภาพ เพื่อปรับตั้งและซิงค์รอนภาพจากแผ่นย่อยต่างๆ ให้กลายเป็นภาพเดียวที่สมบูรณ์บนหน้าจอขนาดใหญ่ ระบบนี้จะช่วยให้ภาพที่แสดงคมชัด สมจริง และต่อเนื่องกันตลอดทั้งจอ ลองนึกภาพเวลาดูรูปพาโนรามา ภาพมันจะกว้างมากๆ เพราะระบบได้ทำการเชื่อมต่อภาพหลายๆ ภาพที่ถ่ายมาให้อยู่ด้วยกัน เทคโนโลยีนี้แหละครับที่ถูกนำมาใช้ในหน้าจอ LED แบบ All-in-one เพื่อสร้างภาพที่คมชัดและมีความละเอียดสูง

คำถามที่น่าสนใจคือ ระบบเชื่อมต่อภาพมีมานานแล้ว ทำไมมันถึงพิเศษสำหรับหน้าจอ LED แบบ All-in-one? สิ่งที่พิเศษคือ ระบบเชื่อมต่อภาพนี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับหน้าจอ LED แบบ All-in-one ได้อย่างแนบเนียน ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบาย และง่ายต่อการดูแลรักษาอีกด้วยครับ

3.ระบบจ่ายไฟ (Power Supply System)

ชิ้นส่วนสำคัญอันดับ 3 ของจอแสดงผล LED แบบ All-in-One คือ ระบบจ่ายไฟที่ติดตั้งมาภายใน แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ระบบนี้ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายขึ้นมาก

จอ LED ต้องการระบบจ่ายไฟที่เชื่อถือได้ เพื่อแปลงกระแสไฟฟ้าและควบคุมการจ่ายไฟ ระบบจ่ายไฟภายในตัวจอจะทำหน้าที่ตรงนี้ทั้งหมด จุดเด่นสำคัญคือ มันสามารถแปลงกระแสไฟฟ้าสลับ (AC) จากปลั๊กไฟ ให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้าตรง (DC) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานของอุปกรณ์ประเภทนี้ เพราะไฟฟ้าตรงจะให้แรงดันคงที่

ปกติแล้ว การเลือกซื้อระบบจ่ายไฟแยกสำหรับจอ LED ต้องอาศัยความรู้เรื่องแรงดันและวัตต์ที่จำเป็น คุณสมบัติพื้นฐานของตัวเครื่อง และวิธีการติดตั้งที่ปลอดภัย แต่สำหรับจอแสดงผล LED แบบ All-in-One ระบบจ่ายไฟจะติดตั้งมาภายในเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเดินสายไฟเพิ่มเติม ไม่ต้องหาที่ชาร์จ และไม่ต้องต่อกับระบบภายนอก ทำให้การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ง่ายขึ้นครับ

4.ระบบควบคุม: สมองของจอแสดงผล LED แบบ All-in-one

ระบบควบคุมเปรียบเหมือนสมองของจอแสดงผล LED แบบ All-in-one มันทำหน้าที่รวมฟังก์ชันการทำงานและคำสั่งต่างๆ ไว้ที่ศูนย์กลาง ซึ่งเชื่อมต่ออยู่กับตัวจอโดยตรง (รุ่นที่ทันสมัยบางรุ่น อาจมีกล่องระบบแยกออกมา เพื่อดีไซน์ที่ดูเพรียวบาง) ระบบควบคุมมักจะทำงานบนระบบปฏิบัติการเฉพาะของผู้ผลิต หรือระบบ Android ที่ปรับแต่งพิเศษ เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้นในรูปแบบที่คุ้นเคย

นอกจากปุ่มควบคุมแบบอนาล็อก พอร์ตสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก (เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง ฮาร์ดดิสก์) และช่องสัญญาณ Wi-Fi แล้ว ระบบควบคุมยังอาจจะมีตัวรับสัญญาณ HDBT เพื่อการจัดการระบบภาพและเสียง (AV) ที่ง่ายขึ้นในสถานที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องประชุมแบบโรงละครหรือห้องจัดเลี้ยง คุณสมบัติสุดท้ายนี้ ยังช่วยให้สามารถเชื่อมต่อจอแสดงผลสองตัวเข้าด้วยกันได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม

เช่นเดียวกับส่วนประกอบอื่นๆ จุดเด่นของระบบควบคุมสำหรับจอแสดงผล LED แบบ All-in-one อยู่ที่การรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์ภายในตัวเครื่อง การมีศูนย์กลางควบคุมที่สามารถดูแลทั้งระบบ แทนที่จะต้องใช้รีโมทหรืออุปกรณ์เสริมมากมาย ช่วยให้การติดตั้งและดูแลรักษาโดยช่างภาพและเสียงง่ายขึ้น รวมถึงการใช้งานที่สะดวกสบายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

ขนาดของจอ LED

จอ LED ยักษ์ใหญ่ในยุคใหม่ มีขนาดมหึมาจนนึกภาพไม่ออกเลย ลองนึกถึงขนาดจอโปรเจคเตอร์แบบเดิมๆ อย่าง 108 นิ้ว, 135 นิ้ว, 163 นิ้ว, 216 นิ้ว ตัวเลขพวกนี้มันใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้ง่ายๆ แทนที่จะคิดถึงขนาดจอ ลองมาโฟกัสที่ประเภทของพื้นที่ที่จอเหล่านี้เหมาะกับการใช้งานแทนดีกว่า:

  • 108 นิ้ว - เหมาะสำหรับห้องประชุมที่มีผู้เข้าร่วมประชุมไม่เกิน 20 คน นอกจากนี้ยังเหมาะกับห้องประชุมกรรมการ และเหมาะสำหรับติดตั้งในร้านค้าหรือโชว์รูปเพราะมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะห่างอย่างน้อย 3 เมตร
  • 135 นิ้ว - เหมาะสำหรับล็อบบี้หรือพิพิธภัณฑ์ ด้วยระยะห่างการมองเห็นที่กว้างและมองเห็นได้ชัดเจนจากเทคโนโลยี LED รุ่นใหม่ ที่มีระยะห่างของจุดภาพ (Pixel Pitch) ที่ละเอียดมากๆ จอขนาดนี้สามารถติดตั้งไว้ด้านหลังเคาน์เตอร์โรงแรมหรือเหนือแท่นโพเดียม ระยะห่างการมองเห็นขั้นต่ำคือ 3.8 เมตร
  • 163 นิ้ว - เหมาะสำหรับห้องฝึกอบรมขนาดใหญ่, ห้องจัดเลี้ยง หรือสถานที่ทางศาสนา จอ LED แบบครบชุดนี้ สามารถรองรับผู้ชมได้ 60-100 คน เนื่องจากผู้ชมต้องอยู่ห่างจากจออย่างน้อย 4.5 เมตร จอขนาดนี้อาจจะเล็กเกินไปสำหรับงานอีเวนต์ขนาดกลาง
  • 216 นิ้ว - เป็นขนาดใหญ่สุดสำหรับจอ LED สำเร็จรูป เหมาะสำหรับสถานที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องประชุม, ศูนย์ประชุม, สนามกีฬาในร่ม หรือห้องควบคุม ด้วยขนาดหน้าจอที่มหึมา แถวแรกของผู้ชมต้องอยู่ห่างจากจออย่างน้อย 6.3 เมตร เพื่อให้มองเห็นเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

จะเห็นได้ว่า จอ LED แบบครบชุดมีขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้ รุ่นที่ "เล็กกว่า" (ไม่เกิน 135 นิ้ว) ยังไม่จำเป็นต้องติดตั้งบนผนัง ยังมีแบบที่ติดตั้งบนขาเคลื่อนได้ เหมาะสำหรับงานอีเวนต์และห้องอเนกประสงค์มากกว่า เพราะสามารถเคลื่อนย้ายและพับเก็บได้ง่าย

สรุปบทความ

กลับมาที่คำถามของเรากันก่อน ว่าจอ LED ออลอินวันคืออะไร พูดง่ายๆ ก็คือ จอ LED อัจฉริยะที่รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในอุปกรณ์เดียว ต่างจากเทคโนโลยีรุ่นเก่า ทำให้ใช้งานและดูง่ายขึ้นสำหรับทั้งมืออาชีพด้าน AV และผู้ใช้ทั่วไปด้วยการเข้าถึงส่วนประกอบทั้งหมดได้ที่จุดเดียว ทำให้การบำรุงรักษาง่ายขึ้น ส่งผลดีต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในระยะยาว